อาการสำคัญ: ปวดร้าวบริเวณมุมล่างของกระดูกสะบัก ขณะยื่นแขนไปข้างหน้าและขึ้นบน เพื่อทำการ ดึงของหนัก แขนอ่อนแรง 

อาการแสดงพบว่าการเคลื่อนไหวไม่ค่อยถูกจำกัด การคลำจุดเจ็บอาจกระทำได้โดยคลำที่บริเวณ กึ่งกลางของกระดูกสะบัก ทดสอบกล้ามเนื้อในท่านอนหงาย วางแขนราบขึ้นทำมุม 90 องศา พบว่า ไม่สามารถกดข้อมือวางราบกับพื้นได้ เมื่อช่วยกดข้อมือลงให้แนบกับพื้น ปรากฏว่ากล้ามเนื้อ Latissimus Dorsi พบว่าตึงมาก กล้ามเนื้อมัดนี้ทำหน้าที่หุบแขนและหมุนเข้าทางด้านใน และทำหน้าที่ดึงกระดูกสะบักลงล่าง

เทคนิคครูสมพิศ ปิตะสิงห์ “ใช้ท่านอนหงายกางแขน 180 องศา เพื่อแก้อาการสะบัก บ่า ไหล่ วิธีการ สำหรับผู้เรียนหลักสูตร 200 ชั่วโมงของโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดโพธิ์ ให้เริ่มท่านวดนอนหงาย นวดแขนด้านในตามแนวสัน ปัต รัต ให้ครบสูตรตามที่ครูสมพิศสอนไว้จนจบถึงแขนด้านนอก เพื่อให้กล้ามเนื้อแขนผ่อนคลาย จากนั้นเข้าสู่เทคนิคการนวดแก้อาการของครูสมพิศ โดยให้คนไข้อยู่ในท่านอนหงาย หงายฝ่ามือออกกางแขน 180 องศา

1. ใช้ท่าโยกแขน ให้วางนิ้วโป้ง ห่างจากข้อศอก 3 นิ้ว แนวแขนด้านในใต้กล้ามเนื้อ Biceps จากนั้นจับข้อมือคนไข้โยกขึ้นมา ในขณะที่ศอกยังวางติดพื้น (ลักษณะการโยก แขนเป็นแกน ตั้งวางอยู่บนศอก โยกมือไปมาช้า ๆ ในขณะที่ผู้นวดวางนิ้วโป้งกดนิ่งใต้กล้ามเนื้อ Biceps ) คนไข้เริ่มมีอาการเจ็บร้าวที่กด และลมแล่นไปจุดเจ็บที่กล้ามเนื้อ Latissimus Dorsi 

2.ใช้ท่าหนีบดึงกล้ามเนื้อ (Five finger Pinching Technique) โดยการดึงกล้ามเนื้อออกข้าง วิหกวาตะภักษ์ หรือแนวข้างปีกสะบัก ดึงไล่ลงไปถึงแนวซี่โครงล่าง ได้ทดสอบให้คนไข้วาง แขนราบขึ้นทำมุม 90 องศา พบว่าสามารถกดข้อมือลงเกือบติดพื้นได้ และอาการปวดร้าวที่สะบักหายไป แต่มีอาการลมแล่นไปตุงอยู่ที่หัวไหล่ 

3. ใช้ท่าหนีบดึงกล้ามเนื้อ (Two finger Pinching Technique) โดยการดึงกล้ามเนื้อบ่า ก่อนจะ เปลี่ยนจากท่านอนหงายเป็นท่านอนตะแคง 

4. ท่านอนตะแคง นวดสะบัก บ่า ไหล่ ตามหลักสูตร 200 ชั่วโมง 

5. เทคนิคแก้อาการของครูสมพิศ คือ เปลี่ยนเป็นท่านอนตะแคงกึ่งหงาย ให้คนไข้นอนทับเข่าหมอนวด ใช้นิ้วโป้ง หรือ 4 finger ดันตรงข้างปีกวิหควาตะภักษ์เข้าไปหาสะบักและหัวไหล่ จากนั้นทดสอบว่า ไม่มีลมแล่นไปตุงที่หัวไหล่แล้ว หลังจากนวดสะบัก บ่า ไหล่ รู้สึกโล่ง เบาสบาย เคลื่อนไหวได้ดี ไม่ปวดแขน 

ครูสมพิศแนะนำ: ไม่ควรดึงกล้ามเนื้อใต้ท้องแขน ซึ่งมีแนวเส้นประสาทอยู่