สามีภรรยาคู่หนึ่ง เห็นเรื่องเดียวกัน แต่วิธีการเห็นไม่เหมือนกัน
คือวิธีการมองไม่เหมือนกัน เมื่อเรามองเรื่องเดียวกันในมุมที่ยืนต่างกัน มันย่อมเห็นต่างกัน
ยกตัวอย่าง
คนบางคนมองไปถึงอนาคต แล้วก็เห็นว่าอนาคตไปไม่รอด ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ห่วงอนาคต
แต่สถานการณ์ตอนนั้น อนาคตยังไม่มี แล้วทำลายโอกาสในปัจจุบัน เพราะห่วงอนาคต อันนี้ซึมอีกมิติหนึ่ง
ห่วงอนาคต เพราะเห็นแล้วว่าปัจจุบันไม่ถูกต้อง แต่ไม่รู้จะจัดการความไม่ถูกต้องในปัจจุบันอย่างไร
แต่อ้างว่าห่วงอนาคต อันนี้ซึมไปข้างหน้า
แล้วแก้ปัญหาปัจจุบันไม่เป็น เพราะเอาอนาคตมาถ่วงใจตัวเองในปัจจุบัน
ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ชอบความรุนแรง ไม่ชอบอะไรเป๊ะ ไม่ชอบอะไรที่ฉันรู้สึกไม่สบาย
ฉันต้องการสนุก จึงทำให้หนีปัจจุบัน
ฉะนั้น เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งห่วงอนาคต แต่ไม่รู้จะจัดการกับปัจจุบันอย่างไร
กลับทำความเข้มงวดในปัจจุบัน ให้คนอีกคนหนึ่งที่อยู่ในขณะนั้นกับเรา...หนีเรา
เพราะไม่มีใครอยากอยู่กับความอึดอัด เราอยากแก้ไขอนาคตให้ดี แต่เราได้สร้างความอึดอัดบางอย่างให้เกิดขึ้นกับคนที่เราก็อยากให้เขาดี แต่คนดีหลายคนชอบหนี...หนีความอึดอัด
สรุปแล้วในสถานการณ์อย่างนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่ทุกข์ทั้งคู่
คนหนึ่งไปอนาคต อีกคนหนึ่งหนีปัจจุบัน
ถ้าเรามองไม่เห็นภาพเหล่านี้แบบชัดเจน เราก็จะโทษกันไปโทษกันมา
คนที่ซึมเพราะเพ่งโทษ ต้องมี ‘กัลยาณมิตร’ ช่วย
อย่างน้อยก็ช่วยเขี่ยผงในตา ซึ่งต้องใช้ปัญญาทั้งหมด
การอยู่ร่วมกัน ทั้งๆ ที่รักกัน แต่ไม่รักษาใจกัน
เพราะมัวแต่เอาถูกเอาผิด ไปคาดหวังกับอนาคต หรือไปกลัวในสิ่งที่เป็นปัจจุบันที่รุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะของความจากพรากขึ้น